Wednesday, September 8, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : บทอวสาน “สุดยอด…วิชัย วชิรพงศ์”

ความเป็น “สุดยอด” ของนักเล่นหุ้นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ลงทุนจากเงินทุน 2 ล้านบาท แล้วประสบความสำเร็จจนมีเงินนับ “พันล้านบาท” จาก “ต้นกล้า” ฝ่าแดด…ต้านฝน จนเป็น “ไม้ใหญ่”

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : การนำเสนอ Story ชีวิต และความสำเร็จของ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ก็เดินทางมาถึง “ปลายทาง” ตามวาระแห่งความพอดี (ฉบับสุดท้าย วันที่ 19 ตุลาคม 2550 วันครบรอบ 20 ปีเต็ม ของเหตุการณ์ Black Monday) ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา รวมทั้งสิ้น 27 ตอน กับอีก 1 บทสรุปของ “สุดยอดวิชา”

ความเป็น “สุดยอด” ของนักเล่นหุ้นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ลงทุนจากเงินทุน 2 ล้านบาท แล้วประสบความสำเร็จจนมีเงินนับ “พันล้านบาท” จาก “ต้นกล้า” ฝ่าแดด…ต้านฝน จนเป็น “ไม้ใหญ่” ขอคารวะด้วยจิตศรัทธาว่า “ไม่ธรรมดา”

ก่อนจากลา “ถนนนักลงทุน” ขอรวบรวมคำพูดและวลีเด็ดๆ จากกูรูหุ้นระดับประเทศท่านนี้ ถ่ายทอดเป็น “ยอดวิชา” หวังให้ไป “ผลิบาน” ในความคิดของนักลงทุน เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ สืบสานสร้างความมั่งคั่งเรื่อยไป

ตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึง ตอนที่ 27 มี วลีเด็ดๆ ที่น่าสนใจดังนี้

ตอนที่ 1 เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า…นี่เรื่องจริง

ตอนที่ 2 ถ้าในโลกนี้ใครได้อะไรมาง่ายๆ ก็ยากที่จะรักษาให้มันอยู่กับเราได้อย่างยั่งยืน

ตอนที่ 3 หุ้นจะเป็นขาขึ้น “ราคา” และ “ปริมาณ” จะต้องเคลื่อนไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน

ตอนที่ 4 ถ้าเราเลือกหุ้นพี/อี ต่ำ พื้นฐานดี แต่ซื้อแล้วราคาไม่ขึ้น…มีแต่ลง แสดงว่าความคิดของเรา “ผิด” คุณต้องเปลี่ยน “อย่าดันทุรัง”

ตอนที่ 5 สมัยที่ยังเล่นหุ้นไม่เก่ง วิธีที่ผมใช้…จะลอกข้อสอบคนเก่ง แต่ระหว่างที่เราลอกข้อสอบเขา เราก็ต้องพัฒนาตัวเองตามให้ทัน

ตอนที่ 6 ในการเล่นหุ้นให้ชนะตลาด เราต้องพายเรือตามน้ำ อย่าพายเรือทวนน้ำ เพราะการ “ฝืนกระแส” จะทำให้เรา “เสี่ยงสูง” ที่จะขาดทุน

ตอนที่ 7 จากประสบการณ์ 20 ปี จะซื้อหุ้นให้ได้กำไร เราต้องกล้าไปจ่ายตลาด “ตอนประมาณ ตี 5″ หรือ อีก 1 ชั่วโมงฟ้าจะสว่าง…ผีไม่มี

ตอนที่ 8 วิธีการเอาตัวรอดในช่วงที่ต้องเผชิญกับ “วิกฤตการณ์” ทางเดียวที่จะทำให้เรา “รอด” คือ การตัดนิ้ว (Cut Loss) ยอมขาดทุนรักษาชีวิต

ตอนที่ 9 ความลับของเงินจะเติบโตก็เฉพาะกับคนที่รู้จักใช้มันเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม

ตอนที่ 10 การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส “ร่ำรวย” ได้ยาก!!! เพราะการตัดสินใจซื้อ-ขายบ่อยโอกาสผิดพลาดจะสูง

ตอนที่ 11 คำศัพท์ของนักเล่นหุ้น เขาบอกว่า “ลูกยังเล็กอยู่” เราจะพลาดไม่ได้ หมายความว่าหุ้นตัวนี้ “อันตราย” เราต้อง Cut Loss ทิ้ง

ตอนที่ 12 ในจังหวะที่หุ้นเป็นขาขึ้น เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมาพร้อมวอลุ่ม เราต้องรีบล้างพอร์ตออกไป

ตอนที่ 13 ท่องเอาไว้เลย “วอลุ่มพีค” คือ “ราคาพีค” และ ถ้าหุ้นปรับฐานแล้ว “รีบาวด์” แต่ไม่ทำ “นิวไฮ” ใหม่…”มันต้องลง”

ตอนที่ 14 ถ้าหุ้นเป็น “ขาลง” แล้ว “วอลุ่มหาย” นี่เป็นตามธรรมชาติ แต่ถ้าหุ้นเป็น “ขาขึ้น” แล้ว “วอลุ่มหาย” นี่มันผิดกฎธรรมชาติ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า “มันกำลังจะวิ่ง”

ตอนที่ 15 นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อยๆ ก่อน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่มสุดตัว และไม่ถือยาว

ตอนที่ 16 คำว่า “ข่าวลือ” คุณต้องแอบพูดในที่ “ลับ” ถ้ามากระจายให้มหาชนรับรู้…มาบอกนักข่าว แสดงว่า “จบรอบ” แล้ว…คุณต้องทิ้ง

ตอนที่ 17 ถ้าจะเล่น “หุ้นปั่น” เราต้องซื้อน้อยๆ เกาะตู้เย็น หาค่ากับข้าวได้ แต่อย่าไปเล่นแรง อย่าไปทุ่ม เดี๋ยวเจ้ามือมันจะโยนหุ้นใส่เรา

ตอนที่ 18 กรณีที่หุ้นจะปรับตัว “ลงแรง” วอลุ่มมักจะทำ “พีค” ก่อน ให้สังเกตว่ารายย่อยจะแห่เข้าใส่ แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หุ้นปรับตัวมันจะ “ลงลึก”

ตอนที่ 19 ในช่วงของการสะสมหุ้น ถ้าเป็น “หุ้นดี” ให้สังเกตฝั่ง Bid จะน้อย แต่ฝั่ง Offer จะเยอะ ภาวะอย่างนี้คือ ช่วงที่ดัชนี SET ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุ้นไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ แต่ไม่ไล่ราคา

ตอนที่ 20 “เฮียประธาน” เขาเป็นเจ้าของคอร์ทแบดมินตัน อยู่แถวถนนบางรัก ฉายาเขา คือ “พญาอินทรี” ถ้าวันไหนที่พวกเรา “เละ” หรือ “เจ๊ง” กันหมด เขาจะบินมาเลย…เขาจะมาซื้อหุ้น

ตอนที่ 21 การอ่านอารมณ์ตลาด ถ้า “รายย่อย” สงบเสงี่ยมเจียมตัว “ฝรั่ง” ไม่เข้า บอกได้เลยว่าเล่นหุ้นไม่ได้ตังค์ ถ้าจะเล่นหุ้นได้กำไร รายย่อยต้องมีจุดมั่นใจ นักเก็งกำไรแห่กันเข้ามาเล่นตามน้ำ ตลาดแบบนี้ “ได้ตังค์”

ตอนที่ 22 ถ้าเราเทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด การตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย คุณต้องรอจังหวะ รอให้เครื่องมือทางเทคนิคยืนยัน แล้วทุกคนเริ่มกลัวกันหมด ตรงนั้นคือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด ซื้อเสร็จก็ใส่ปี๊บเอาไว้

ตอนที่ 23 ถ้าคิดจะ “สร้างราคาหุ้น” แล้วไม่ให้วงแตก มือทำหุ้นที่เป็นมืออาชีพ เขาจะบอกเจ้าของหุ้นว่า คุณต้องโอนหุ้นมาให้ก่อน แล้วต้องเอาเงินมาให้ด้วย…ล้านเปอร์เซ็นต์เลย ถึงจะสำเร็จ !!!

ตอนที่ 24 พูดตรงๆ ผมเคยเล่นหุ้นปั่น วันที่ผมขายหมด บางคนไม่ได้ขาย ผมเสียเพื่อนไปก็หลายคน เสียน้องไปก็หลายคน สุดท้ายมันไม่ได้อะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มหรอก…เชื่อผมสิ!!!

ตอนที่ 25 วิธีการลงทุนแบบ “แวลู อินเวสเตอร์” ส่วนตัวมองว่า “มันเสี่ยง” บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะ!! ถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง มันเสียโอกาส

ตอนที่ 26 ลักษณะตลาดหุ้นที่แกว่งตัวออกด้านข้าง และไม่มีข่าวดีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในตลาด คนที่เล่นหุ้นแล้วได้ตังค์ ต้อง “เล่นรอบ” คือ เล่นหุ้นแบบ “ปิงปอง” จะได้เปรียบ แต่อย่าไปทุ่มเทอะไรกับมันมาก

ตอนที่ 27 วอร์แรนท์ที่ราคาแปลงสภาพ “ต่ำกว่าหุ้นแม่” ยิ่งเหลืออายุน้อย เจ้ามือยิ่งกดรายย่อยให้ปล่อยหุ้นออกมา เพราะเขารู้ว่าไม่มีเงินไปแปลงสภาพแน่ เขาก็บีบซื้อราคาถูกเอาไปแปลงสภาพเอง

นอกจากนี้ “เสี่ยยักษ์” ยังมีเคล็ดไม่ลับ ที่อยากฝากแฟนๆ “ถนนนักลงทุน” อีก 5 ข้อ

“คำพูดที่ผมอยากจะฝากไว้ จำเอาไว้เลยนะ…”

1.อย่าตามหลังมวลชน 2.จุดที่มั่นใจที่สุด คือ จุดที่อันตรายที่สุด 3.จุดที่อันตรายที่สุด คือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ประมาณ “ตี 5″ ถึง “ตี 5 ครึ่ง” (ก่อนฟ้าสาง) 4.อย่าคิดคนเดียว อย่าตอบคำถามคนเดียว อย่าเล่นหุ้นคนเดียว และ 5.คนเล่นหุ้นให้ชนะ ต้องเลิกนิสัย “ถามเอง-ตอบเอง-เออเอง” สุดท้าย “เจ๊งลูกเดียว”

ที่มา : Bangkok Biz Week

Tuesday, September 7, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 27 ประสบการณ์ “SHIN-W1″

“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ เล่าประสบการณ์การเล่น “วอร์แรนท์” สมัยก่อน โดยยกตัวอย่างกรณีของ SHIN-W1 ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นกรณีศึกษา

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : โดยระบุว่า “ก้อนแรก” ที่หุ้นตัวนี้ขึ้นมากลุ่มของเรา (กลุ่มเสี่ยยักษ์) เป็นคนเล่น…ช่วงนั้นเล่นกัน มันส์! มาก

“กลุ่มเราเล่น SHIN-W1 ขึ้นมาจาก 2-3 บาท (ช่วงไตรมาส 2 ปี 2546) เล่นขึ้นไป 7-8 บาท ใช้เวลาเล่นแค่เดือนเดียว พอกลุ่มเราขายหมด ปู่ (เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล) มาเห็นดี ทุบพอร์ตมาซื้อ 30 ล้านหุ้น มารับแถวๆ 7-8 บาท มันเหมือนพวกผมไปทุบหุ้นใส่เขา ที่จริงเราไม่ได้นัดกัน แต่เห็นราคาขึ้นมาเยอะ กำไรเป็นเท่าตัวแล้วก็ขาย เพราะมันไม่ใช่หุ้นในดวงใจ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม”

ช่วงที่ราคา SHIN-W1 ขึ้นมาประมาณ 100% แล้ว กลุ่มเสี่ยยักษ์ก็ขายทิ้งกันหมด มีเพียงเสี่ยปู่คนเดียวที่ไม่ยอมขาย ยังกอดไว้แน่น 30 ล้านหุ้น เพราะมองว่าอนาคตตัวนี้ต้องดีแน่

“ช่วงราคา 7-8 บาท (เจ้ามือ) มัน “กดราคา” แช่อยู่อย่างนั้น 4 เดือนเต็มๆ ไม่ยอมให้ขึ้น พอปู่ขายหมด มันลากขึ้นไป 24.80 บาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือนกว่า (10 สัปดาห์) เท่านั้นเอง…วิ่งเหลือเชื่อ!!!”

(ข้อสังเกตมีอยู่ว่า ก่อนหน้าที่ หุ้น SHIN-W1 จะวิ่งขึ้นรอบใหญ่ จากช่วงราคา 7-8 บาท ขึ้นไปทำจุดสูงสุดของรอบ ที่ 24.80 บาท หุ้นตัวนี้ถูก “กด” ไม่ให้ขึ้นนานถึง 17 สัปดาห์ ระหว่างที่หุ้นถูกกดไม่ให้ขึ้น มีจุดสังเกต คือ “วอลุ่มหาย” (วอลุ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง) ขณะที่ราคาหุ้นไม่ลง มีลักษณะ “ไซด์เวย์” ออกด้านข้าง อยู่ในกรอบ 6.25-10.30 บาท แต่โดยเฉลี่ยแล้ววิ่งอยู่ในกรอบ 7-8 บาท)

เสี่ยยักษ์ บอกว่าจากประสบการณ์ครั้งนั้น สรุปว่าทุกคนเฉียดรวยกันหมด รายใหญ่เขากดดันให้คนที่เล่นหุ้นตัวนี้อึดอัดมาก (ยิ่งถือหุ้นมาก ยิ่งกดดัน) พอรวบรวมหุ้นได้มากพอก็ “ลากราคา” ขึ้นไปเลย นี่คือจังหวะชีวิตที่นักเล่นหุ้นทุกคนต้องเจอ

ส่วนสาเหตุว่า ทำไม! ถึงเลือกมาลงทุนวอร์แรนท์ตัวนี้ เสี่ยยักษ์ ขยายความว่า เดิมทีหุ้นแม่ SHIN เคยอยู่ที่ 17 บาท ประมาณช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2545 ตัวลูก SHIN-W1 เข้ามาเทรดครั้งแรกอยู่แถว 4 บาทกว่า แล้วตัวแม่ SHIN ถูกกดลงมา 10 บาท (ตลอดช่วงไตรมาส 4 ปี 2545) แล้วมันกลับขึ้นไป 17 บาทอีกครั้ง ช่วงเดือนพฤษภาคม 2546 แต่ลูกมันยังอยู่แถว 2.7-2.8 บาท

“แสดงว่าแม่ มันไปแล้ว แต่ลูกยังไม่ไป พวกเราก็ “จับจุด” ตรงนี้ แล้วมาเล่นกันขึ้นไป 7-8 บาท รอบนั้น ราคาแม่ SHIN อยู่ที่ 17 บาท ราคา SHIN-W1 อยู่แถว 2.7-2.8 บาท แปลงสภาพที่ราคา 20.50 บาท อีกจุดหนึ่งจำได้ว่า “คุณบุญคลี ปลั่งศิริ” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น เขาเคยออกมาให้ข่าวว่า ตัว SHIN-W1 แปลงสภาพเป็นหุ้น SHIN ได้แน่ นี่ก็เป็นการ “ส่งสัญญาณ” ล่วงหน้า”

ประเด็นเรื่องการส่งสัญญาณจาก “ผู้มีอำนาจ” (ในบริษัท) ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยต่อทิศทางการลงทุน เสี่ยยักษ์ ยกตัวอย่างกรณีของหุ้น SCB-C1 ให้ฟัง หุ้นตัวนี้ “เจ๊ง” กันอื้อ สมัยก่อนเล่นเก็งกำไรกันทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะเล่นเก็งข่าว “ต่ออายุวอร์แรนท์” ตอนนั้น “ดร.บัณฑิต นิจถาวร” (จากแบงก์ชาติ) มาพูดว่าจะยืดอายุ แต่ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” (รมว.คลัง) บอกไม่ยืด เกมจบเลย เพราะทั้งพอร์ตเล่นกันแต่ตัวนี้

วอร์แรนท์อีกตัวหนึ่งที่ “เจ็บ” กันสมัยก่อน ก็ตัว BANPU-W ของ “ตระกูลว่องกุศลกิจ” เสี่ยยักษ์ เล่าว่าเจ้าของรับไปคนเดียวหมด ประมาณปี 2541 (ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ) ราคาหุ้น BANPU อยู่แถว 13-14 บาท ราคา BANPU-W ช่วงที่ใกล้จะหมดอายุ ถูกทุบจาก 1.20 บาท ลงมาเหลือ 0.20 บาท เจ้าของเก็บของดีไปหมด เอาไปแปลงสภาพที่ราคา 10 บาท “กำไรอื้อ”

“เขาเก็บ BANPU-W ออกไปหมด…ไม่ปล่อยกลับมา แล้วทำให้วอร์แรนท์ที่เหลือ (ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด) “ไม่มีค่า” สุดท้ายรายย่อยไม่มีเงินแปลงสภาพ ก็ต้องเท BANPU-W ราคาถูกให้เขาหมด ถ้าคุณไม่รีบขายวันนี้ พรุ่งนี้ตกอีก ถ้าถือไว้ก็ต้องหาเงินอีกหุ้นละ 10 บาท ไปแปลงสภาพ ไม่มีใครมี

ก็เหมือนกับ BAY-W1 วันนี้ เจ้าของเขาได้เปรียบ เขาขายแม่ (BAY) แล้วมาเก็บลูก ไปแปลงสภาพที่ราคา 12 บาท เขามีหุ้นเท่าเดิม ได้กำไรส่วนเหลื่อมไปแบบไม่เสี่ยง ยิ่งเป็นขาขึ้น…ยิ่งกำไร (ที่ผ่านมาต้นทุนแปลงสภาพ 12 บาท + ราคา BAY-W1 ยังต่ำกว่าราคาแม่ BAY)”

เสี่ยยักษ์ ให้ข้อสังเกตว่า วอร์แรนท์ที่ราคาแปลงสภาพ “ต่ำกว่าหุ้นแม่” ยิ่งเหลืออายุน้อย เจ้ามือยิ่งกดรายย่อยให้ปล่อยหุ้นออกมา เพราะเขารู้ว่าไม่มีเงินไปแปลงสภาพแน่ เขาก็บีบซื้อราคาถูกเอาไปแปลงสภาพเอง !!

ที่มา : Bangkok Biz Week

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 26 ตลาดหุ้น “ไซด์เวย์”

“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า สมัยก่อนชอบเล่น “หุ้นตัวเล็ก” (หุ้นเก็งกำไร) ช่วงดัชนี SET ประมาณ 300-400 จุด ตอนนั้นยังเล่นหุ้น “ไซส์เล็ก” กันอยู่

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : โดยยอมรับว่า ที่รวยหุ้นส่วนหนึ่ง รวยมาจากหุ้นเก็งกำไร ช่วงดัชนีต่ำๆ ช่วงนั้นนิยมเล่นหุ้นที่เขาเรียกว่า “Penny Share” หรือ “หุ้นถูกๆ” กัน แต่พอเล่นมาถึงจุดๆ หนึ่ง มันเริ่มแรงเกินไป

“ผมคิดว่าถึงเวลาถอยแล้ว คล้ายๆ กับช่วงที่ตลาดหุ้นทรงๆ (ไซด์เวย์) หุ้นตัวเล็กก็จะถูกดึงขึ้นมาเล่นรอบ ลักษณะตลาดที่ซึมๆ ทรงๆ หุ้นขึ้นทุกครั้ง ตัวเล็กก็จะนำหน้ามาก่อน มักจะเป็นอย่างนี้”

โดยธรรมชาติของตลาดหุ้น “ไซด์เวย์” ที่แกว่งตัวออกด้านข้าง เสี่ยยักษ์อธิบายว่า ดัชนีจะไม่ไปไหนไกล สังเกตว่าจะไม่มีข่าวดีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในตลาด ลักษณะของตลาดอย่างนี้ คนที่เล่นหุ้นแล้วได้ตังค์ต้อง “เล่นรอบ” คือเล่นหุ้นแบบ “ปิงปอง” จะได้เปรียบ แต่อย่าไปทุ่มเทอะไรกับมันมาก ให้เล่นเกาะกระแสเอาไว้

ส่วนเทคนิคที่ เสี่ยยักษ์นำมาใช้ในการอ่านทิศทางตลาดเพื่อค้นหา “จังหวะ” เข้าไป “เล่นรอบ” (สั้นๆ) เขายกตัวอย่างปฏิบัติการจริงให้เห็นว่า ก่อนอื่นเราต้องอ่าน “ภาพรวม” ของตลาดให้ออก จากนั้นก็มาเช็คเครื่องมือทางเทคนิคตัวอื่นๆ ประกอบ (จะดูกราฟ Month) มาดูตัว RSI ว่ากลับมารึยัง! แล้วมาดู Fast Stochastic ตัวนี้เร็วขึ้นหน่อย พอเห็นว่าเริ่มตัดขึ้นแล้วนะ แล้วต้องมาตรวจดู Slow Stochastic ว่าเป็นอย่างไร (ตามกันมารึเปล่า)

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 25 มองต่างมุม “แวลู อินเวสเตอร์”

วิธีการลงทุนแบบ “แวลู อินเวสเตอร์” ส่วนตัวมองว่า “มันเสี่ยง” บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะ…ถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง “มันเสียโอกาส”

วิธีการลงทุนโดยการถือหุ้นอยู่ในพอร์ต “ตลอดเวลา” ในมุมมองของ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ มีความเชื่อส่วนตัวว่า “มันเสี่ยงเกินไป”

ด้วยความเชื่อที่ว่า ตลาดหุ้นนั้นมี “ฤดูกาล” (มีรอบ) ของมัน บางปีอาจจะมีรอบให้เล่น “หลายรอบ” บางปีตลาดหุ้นอาจจะมีรอบใหญ่ๆ เพียงรอบเดียว แต่ตลาดหุ้นไม่เคยขาดโอกาสให้ซื้อเลย…แต่ต้อง “รอ” เพราะฉะนั้น อย่ากลัว “ตกรถไฟ” หรือ กลัวจะ “ซื้อหุ้นดี” (ราคาเหมาะสม) ไม่ได้

“ให้ผมวิจารณ์วิธีการลงทุนแบบ “แวลู อินเวสเตอร์” (Value Investor) ส่วนตัวมองว่า “มันเสี่ยง” นะ! ถ้าพลาดทีเดียวจะเสียหายได้เยอะ บางทีหุ้นลงก็ต้องถือ เพราะคุณคิดว่าพื้นฐานมันไม่เปลี่ยน เดี๋ยวมันก็ต้องกลับมา แต่เมื่อไรล่ะ…ถ้าคุณไม่ Cut Loss ตอนหุ้นลง มันเสียโอกาส”

เสี่ยยักษ์ เปรียบเทียบให้ฟังว่า อย่างพอร์ตผมมี 1,000 ล้านบาท ช่วงไหนเห็นท่าว่าตลาดไม่ดี ผมก็ลดพอร์ตลงมาเลย เหลือ 100 ล้านบาท “หุ้นตก…ผมยิ้มได้” เพราะผมคิดว่า ยอมขาดทุนถือเงินสดเอาไว้ดีที่สุด เรามีโอกาสแก้ตัว แต่กับอีกคนๆ หนึ่งที่เล่นหุ้นสไตล์ “แวลู อินเวสเตอร์” ถือหุ้นอยู่ 1,000 ล้านบาท “เต็มพอร์ต” วันไหนที่ตลาดหุ้นเกิด “แพนิค” (ตื่นตระหนก) วันเดียว เงินคุณหายไปเท่าไร

“…อย่าคิดว่าคนที่เป็น “แวลู อินเวสเตอร์” จะไม่กู้ทุกคน หลายคนก็เล่นเครดิตบาลานซ์ ถ้าคุณมีพอร์ต 100 ล้านบาท มองตลาดดีมาก คุณกู้อีก 100 ล้านบาท รวมเป็น 200 ล้านบาท ซื้อเต็มพอร์ต วันไหนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หุ้นตกลงมาเยอะๆ คุณเจ๊งเลยนะ เพราะคุณจะไม่กล้าขาย คิดว่าพื้นฐานหุ้นมันไม่เปลี่ยน คนที่ถือหุ้นเยอะๆ เวลาจะขายที ไม่ใช่ง่าย ตรงนี้ คือ “ความเสี่ยง” ที่หลายคนไม่ได้มอง”

เสี่ยยักษ์ ออกตัวว่า ไม่ใช่ว่าวิธีการลงทุนแบบ “แวลู อินเวสเตอร์” จะไม่ดี คนที่สำเร็จกับวิธีนี้ก็มีเยอะ เพียงแต่อยากจะชี้ให้เห็นจุดอ่อนบางมุม ยกตัวอย่างนะ…ในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ ตกมากๆ อย่าคิดว่า แวลู อินเวสเตอร์ จะกล้าซื้อทุกคน คนที่ใส่ไปหมดหน้าตักแล้ว อยากซื้อก็ไม่มีตังค์จะซื้อ

ส่วนกรณีของ แวลู อินเวสเตอร์ ที่อยากจะขาย คุณไปซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำเอาไว้เต็มพอร์ต ถ้าคุณขายได้คุณก็เจ็บหนัก นี่ผมพูดจากประสบการณ์ในชีวิตจริงให้ฟัง ยิ่งคุณขาย…หุ้นยิ่งลงหนัก ตรงข้ามกับผม ตลาดหุ้นช่วงไหนเล่นแล้วไม่สบายใจ (รู้สึกว่าทำกำไรยาก) ผมล้างพอร์ตจาก 100% ลงมาเหลือ 10% ทันที

“ถามว่า…เวลาหุ้นตกหนักๆ ใครมีเงินซื้อ ?? คุณ หรือ ผม” เสี่ยยักษ์ ถามกลับ

เสี่ยยักษ์ ยกตัวอย่าง “กรณี 9/11″ (เครื่องบินผู้ก่อการร้ายพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรด ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544) นั่นคือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มันนอกเหนือกฎเกณฑ์ วันนั้นขาดทุนทันที 26% คนที่กำลังจะ “เกิด” (กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว) ไปเจอเหตุการณ์อย่างงั้น ไม่รู้จะเกิดยังไง

“จำเอาไว้…ในภาวะที่ตลาดหุ้นเป็น “ขาลง” หรือ ภาวะตลาดตื่นตระหนก คนที่มีพอร์ต 100% จะเสียเปรียบ และเสียโอกาสมาก เพราะว่า คุณจะไม่มีเงินซื้อ ได้แต่รอ ได้แต่นั่งดูคนอื่น ในท้ายที่สุด เชื่อเถอะ! ว่า คนที่ถือหุ้นเต็มพอร์ต ช่วงที่ตลาดหุ้นไม่ดี คุณนั่นแหละ คือ คนที่ขายหนีตาย (ขายหลังผม และขาดทุนมากกว่าผม)”

เสี่ยยักษ์ สรุปประเด็นนี้ว่า หลักการเล่นหุ้นที่ปลอดภัย คุณไม่จำเป็นต้องถือหุ้นไว้ (เต็มพอร์ต) ตลอดเวลา ช่วงไหนที่ตลาดหุ้นไม่ดี เล่นหุ้นแล้วไม่สบายใจ รู้สึกอึดอัด ต้องลดพอร์ตแล้วถือเงินสดให้มากที่สุด…นี่คือ หลักการที่ถูกต้อง

ในช่วง 10 ปีมานี้ (2540-2550) คนที่เล่นหุ้นเป็นรอบ บางคนพอร์ตโตขึ้นมามากกว่า 100 เท่า นักเล่นหุ้นรายใหญ่ๆ ที่รู้จัก หลายคนออกสตาร์ทด้วยเงินน้อยๆ เขาก็ประสบความสำเร็จได้ อย่าง น.พ.วิเศษ วชิรพงศ์ (ขุนศึกคู่กาย) เขาเริ่มต้นจากศูนย์ ในอนาคตก็ต้องมีเงินเป็นร้อยล้านแน่

“พูดกันตรงๆ ว่า ช่วงไหนที่ตลาดหุ้นไม่ดี พอร์ตเราต้องเหลือหุ้นให้น้อยไว้ก่อน ถ้าเราเข้าไปซื้อหุ้น (เต็มพอร์ต) ช่วงที่ตลาดไม่ดี เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ เหมือน ลิงแก้แห…ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง” เสี่ยยักษ์ กล่าวปิดท้าย

ที่มา : Bangkok Biz Week

Monday, September 6, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 24 รังเสือ..ถ้ำมังกร

ภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า “เสือ 2 ตัว ไม่อยู่ถ้ำเดียวกัน” คำๆ นี้ เป็นจริงอย่างไร
“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ อธิบายว่า โดยธรรมชาติ “ใหญ่กับใหญ่” จะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน..เชื่อผมซิ!!! มันเป็นอย่างนี้จริงๆ สุดท้ายมันก็จะ “ขี่” (เอาเปรียบ) กันเอง

—————————–
: พูดตรงๆ ผมเคยเล่นหุ้นปั่น วันที่ผมขายหมด บางคนไม่ได้ขาย ผมเสียเพื่อนไปก็หลายคน เสียน้องไปก็หลายคน สุดท้ายมันไม่ได้อะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มหรอก..เชื่อผมซิ!!!
—————————–

นอกจากนี้การเข้าไปเทรดหุ้นกับโบรกฯ ไหน เสี่ยยักษ์ จะดูว่าโบรกฯ นั้นมี “พอร์ตเล่นหุ้น” ด้วยรึเปล่า! ถ้า “มี” โดยส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบไปเทรดหุ้นที่นั่น เพราะคิดแง่ลบไว้ก่อนว่า “เขาจะดักกินเรา” (รู้ความเคลื่อนไหวรายใหญ่) ส่วนโบรกฯ ไหน ที่เห็นรายใหญ่ไปรวมตัวกันมากๆ แสดงว่าเขาจับมือกันแน่นแล้ว

เสี่ยยักษ์ ยังเล่าถึงวิธีการเอาเปรียบ (ขี่) กันในวงการรายใหญ่ที่เจอมากับตัวเอง

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 23 กลยุทธ์สร้าง “ดีมานด์”

ถ้าคิดจะ “สร้างราคาหุ้น” แล้วไม่ให้วงแตก มือทำหุ้นที่เป็นมืออาชีพ เขาจะบอกเจ้าของหุ้นว่า คุณต้องโอนหุ้นมาให้ก่อน แล้วต้องเอาเงินมาให้ด้วย…ล้านเปอร์เซ็นต์เลย ถึงจะสำเร็จ !!!

“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ เล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง สมัยก่อนมี “นักปั่นหุ้นชั้นเซียน” อยู่คนหนึ่ง ชื่อเสียโด่งดัง เขาเกาะกันกับอดีตนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งนักการเมืองคนนี้ตอนแรกเล่นหุ้นไม่เป็นเลย ก็มาเข้ากลุ่มกับ “นักปั่นหุ้น” คนนี้

เขาก็ใช้เพาเวอร์ทางการเมืองไปหาหุ้น (เน่าๆ) แล้วเอามา “ปั้น” จนร่ำรวย สมัยก่อนพอได้หุ้นมา วิธีการเขาจะเอามาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ แล้วก็ออกหุ้น PP (Private Placement) วิธีนี้ “ฮิตมาก” คือ การเสนอขายหุ้น “แบบเจาะจง” ในราคา “ถูก” ให้กับพรรคพวกตัวเอง แล้วก็เอามาเล่นกันในตลาด แรกๆ ก็เริ่มออกสตาร์ทจุดเดียวกัน หมายถึง ต้นทุนเท่ากัน คุณได้กำไรเท่าไร ทุกคนก็ได้ด้วย คือ “แบ่งผลประโยชน์กันลงตัว”

พอเขาเริ่ม “รู้ทาง” (รวย) คราวนี้ไม่เป็นอย่างงั้นแล้ว ไม่อยากแบ่งใครจะกินรวบคนเดียว พอเขาหาหุ้นมาได้ก็ (ให้นอมินี) เก็บหุ้น PP ราคาต่ำ ไปหมด แล้วก็ไปชักชวนพรรคพวกให้มาช่วยกันทำหุ้น ถ้าใครหลงกลก็ต้องไปซื้อหุ้นราคาแพงต่อจากเขา เล่นกันไปสุดท้ายก็ “วงแตก” ต้องมานั่งทะเลาะกัน

นิทานเรื่องนี้ เสี่ยยักษ์ สรุปให้ฟังว่า ใหญ่กับใหญ่ หรือ เสือกับเสือ อยู่ด้วยกันไม่ได้นาน สุดท้ายก็แตกคอกันเอง

เกี่ยวกับการ “ทำหุ้น” ที่ เสี่ยยักษ์ เคยเกริ่นไปแล้วในบทก่อนๆ คราวนี้มาขยายความให้ฟังเพิ่มเติมว่า…

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 22 รู้จักคำว่า “รอคอย”

ถ้าเราเทรดหุ้นทุกวัน สมองมันไม่มีจุดคิด การตัดสินใจบ่อยมันพลาดได้ง่าย คุณต้องรอจังหวะ รอให้เครื่องมือทางเทคนิคยืนยัน แล้วทุกคนเริ่มกลัวกันหมด ตรงนั้นคือ จุดที่ปลอดภัยที่สุด ซื้อเสร็จก็ใส่ปี๊บเอาไว้

ความสำเร็จที่ยากที่สุดอาจไม่ใช่การเดินทางเพื่อค้นหา “กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ” เพราะพื้นฐานแห่งความสำเร็จ แท้ที่จริงแล้วคือ การเอาชนะจิตใจของตัวเองให้ได้เสียก่อน

ในตลาดหุ้นการ “รู้เขา” อย่างเดียว มิอาจไปถึงเป้าหมายได้ ต้อง “รู้เรา” อย่างถ่องแท้ด้วย ไม่เช่นนั้นเงินที่กลาดเกลื่อนอยู่ในตลาดหุ้น ก็ไม่สามารถ “หยิบ” ขึ้นมาเชยชมได้

คำจำกัดความสั้นๆ ที่ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ เน้นย้ำ ก็คือ ถ้าอยากจะเล่นหุ้นให้รวย ต้องรู้จักคำว่า “รอคอย” (อดทน) ต้องรอจังหวะ รอรอบของมันให้ได้ แล้วทำไม! จะรอมันไม่ได้ คุณต้องนิ่ง คุณต้องใจเย็นๆ

“ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในอาชีพเล่นหุ้น คุณต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ คุณถึงจะอยู่รอด”

เสี่ยยักษ์ บอกว่า “หุ้นในดวงใจ” ไม่ได้มีกันทุกๆ เดือน บางทีต้องรอคอยนานเป็นปี ถึงจะเจอ “รอบใหญ่” สักตัว

Sunday, September 5, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 21 ตลาดแบบไหน “เล่นแล้วได้ตังค์”

การอ่านอารมณ์ตลาด ถ้า “รายย่อย” สงบเสงี่ยมเจียมตัว “ฝรั่ง” ไม่เข้า บอกได้เลยว่า เล่นหุ้นไม่ได้ตังค์ ถ้าจะเล่นหุ้นให้ได้กำไร รายย่อยต้องมีจุดมั่นใจ นักเก็งกำไรแห่กันเข้ามาเล่นตามน้ำ ตลาดแบบนี้ “ได้ตังค์”

ตลาดหุ้นแบบไหนที่เล่นหุ้นแล้วไม่ค่อยได้ตังค์…? (น่าเบื่อ)

“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ บอกว่ากรณีที่ “รายย่อย” สงบเสงี่ยมเจียมตัว และ “ฝรั่ง” ไม่เข้า ตลาดหุ้นช่วงนั้นจะเงียบเหงา (ไม่น่าเล่น) บอกได้เลยเล่นหุ้นไปก็ไม่ได้เงิน อยู่นิ่งๆ ดีที่สุด ถ้าคิดให้เป็นหลักวิทยาศาสตร์อธิบายได้ว่า เพราะเงินไม่มีมาหมุน “ทำกำไรยาก”

“ถ้าจะเล่นหุ้นแล้วได้เงิน “รายย่อย” ต้องมีจุดมั่นใจ นักเก็งกำไรต้องตาม (น้ำ) กันแหลก! หุ้นมันจะวิ่งจู๊ด หรือ ขึ้นไปทำนิวไฮ (จุดสูงสุดใหม่) ได้”

เสี่ยยักษ์ อธิบายว่า ช่วงที่หุ้นขาขึ้นมันจะมีจังหวะ “พักตัว” จากนั้นให้สังเกตว่า มักจะมีข่าวดีมา “หนุน” จังหวะสองที่ทุกคนมองว่า ราคามันวิ่งขึ้นไปทำ “นิวไฮ” ช่วงนี้แหละ นักเก็งกำไรจะแห่ตามกันแหลก!!

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 20 เล่นหุ้นสไตล์ “พญาอินทรี”

” เฮียประธาน เขาเป็นเจ้าของคอร์ตแบดมินตัน อยู่แถวถนนบางรัก ฉายาเขาคือ “พญาอินทรี” ถ้าวันไหนที่พวกเรา “เละ” หรือ “เจ๊ง” กันหมด เขาจะบินมาเลย..เขาจะมาซื้อหุ้น”

การเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จ “นิสัย” และ “พฤติกรรม” ของคนเล่นหุ้น ถือว่ามีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน

“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ นำประสบการณ์ที่พบมาจริงในตลาดหุ้นในช่วง 20 ปีมาถ่ายทอดให้ฟัง โดยระบุถึง “นิสัยคน” ที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว ดังนี้…

คนแรก..คนนี้อายุมากแล้วแต่ “ไม่ยอมปรับตัว” ประกอบอาชีพประสบความสำเร็จมีเงินหลายสิบล้านบาท สุดท้ายก็มาล้มเหลวในตลาดหุ้น

คนที่สอง..เป็นคนที่มีระเบียบวินัยมาก ศึกษาข้อมูลตลอดเวลา มีความมั่นคง คนนี้เป็นอดีตนักแบดมินตันทีมชาติ เขาก็ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น

คนที่สาม..ไม่เก่งอะไรเลย อ่อนน้อมถ่อมตน บริการคนอื่นตลอดเวลา ทุกคนรัก ไม่เคยเอาเปรียบเพื่อน คนนี้ก็ประสบความสำเร็จได้ เพราะทุกคนเอื้อเฟื้อ(บอกหุ้น)เขา ไม่มีใครไปหลอกเขา

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 19 Bid และ Offer

“ในช่วงของการสะสมหุ้น ถ้าเป็น “หุ้นดี” ให้สังเกตฝั่ง Bid จะน้อย แต่ฝั่ง Offer จะเยอะ ภาวะอย่างนี้ คือ ช่วงที่ดัชนี SET ประมาณ ตี 4 ตี 5 คนยังเล่นหุ้นไม่เต็มตัว เขาจะรอรับ แต่จะไม่ไล่ราคา”

สำหรับการลงทุนระยะสั้น การทำความเข้าใจกับ “แนวรับ” หรือ แนว Support และ “แนวต้าน” หรือ แนว Resistance นั้น นับว่ามีความสำคัญอยู่ไม่น้อย

“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ยกตัวอย่างให้ฟังว่า ถ้าราคาหุ้นช่วงไหนที่ทุกคนซื้อขาย “นัวเนีย” อยู่แถวนี้ “แน่น” มาก และนานพอสมควร ถ้าจะฝ่าราคาตรงนี้ขึ้นไปได้ต้องใช้เงินมาก ยกตัวอย่างคนที่ติด BLAND-W1 ที่ 0.21 บาท (ขณะที่สัมภาษณ์) เริ่มอึดอัดแล้ว เพราะราคามันนัวเนียอยู่ตรงนี้นาน

โดยหลักจิตวิทยาของคนเล่นหุ้น ถ้า “ขาดทุน” พอราคาขึ้นมาถึงทุนก็จะรีบขาย ภาษาหุ้นเขาเรียกว่า “ขอชีวิตคืน” ตรงจุดนั้นก็จะเป็น “แรงต้าน”

แต่ถ้าราคามีการ Breakout หรือ การทะลุผ่านแนวต้านที่ 0.21 บาท ขึ้นไปได้ แนวต้านตรงนี้ก็จะกลายเป็น “แนวรับ” เลยนะ คนที่จะเล่นหุ้นเก็งกำไรระยะสั้นต้องดูจุดนี้ประกอบด้วย

นอกจากนี้บางทีก็ต้องดูว่า “ฝรั่ง” (ต่างชาติ) เข้าหรือไม่เข้า ถ้าผ่านไป 2 ชั่วโมง (10.00-12.00 น.) วอลุ่มยัง 5,000 ล้านบาท อยู่เลย แสดงว่าวันนี้ “ฝรั่งไม่เข้า” ตลาดอาจจะนิ่งๆ ไม่ไปไหน

แต่ถ้าวันไหนเปิดมา วอลุ่ม “ปี้ด” ขึ้นไปเลย ดัชนี SET กลับมา “บวก” เดาได้เลยว่า วันนี้ ฝรั่งต้องมี “Net Buy” ต้องรีบไปดูเลย หุ้นตัวไหนจะมา ให้เรา “เล่นตามน้ำ” หรือ Follow the Trend ได้

Saturday, September 4, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 18 สัญญาณ “ลงแรง”

กรณีที่หุ้นจะ “ปรับตัวแรง” วอลุ่มมักจะ “พีค” ก่อน ให้สังเกตว่า รายย่อยจะแห่เข้าใส่แบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หุ้นปรับตัวมันจะ “ลงแรง”

—————————

สูตรการเล่นหุ้นใน “มุมมอง” ของนักลงทุนรายใหญ่ มักจะ “มอง” แตกต่างไปจาก “มุม” ของนักลงทุนรายย่อย เพราะเหตุใด ?

ประเด็นนี้ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ อธิบายว่า ในบางตำรา…สูตรการเล่นหุ้น มักจะบอกว่า “ลงให้ซื้อ…ขึ้นให้ขาย” แต่วิธีคิดแบบนี้ใช้ไม่ได้ทุกครั้ง ยกตัวอย่าง ช่วงที่ดัชนี SET ขึ้นไป 1,789 จุด (ต้นปี 2537) หลังจากนั้น มันลงทีเดียวถึง “นรก” เลย (ลงมาปิดต่ำสุด 207 จุด เมื่อเดือนกันยายน 2541) คนที่ผ่านจุดอันตรายที่สุดมาแล้ว เขาจะไม่คิดแบบนี้ เพราะ “ลูกยังเล็ก” อันตราย !!

…เขาจะคิดตรงกันข้ามว่า “ลงให้ขาย” (Cut Loss) “ขึ้นให้ซื้อ” (Follow the Trend) ซึ่งเป็นวิธีที่ “ลดความเสี่ยง” ได้ดีที่สุด

เสี่ยยักษ์ ยังบอกเทคนิคด้วยว่า เราจะอ่านเกมได้อย่างไร กรณีที่หุ้นปรับฐานแล้วจะ “ลงแรง” หรือ “ไม่แรง”

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 17 หุ้นเรียกแขก

เชิญครับ! เชิญ..เชิญมารวย!!! ด้วยกันคร้าบบ..พี่น้อง
ในตลาดหุ้นมักจะมี “หุ้นปั่น” สลับกันขึ้นมาหวือหวา ซึ่งหุ้นประเภทนี้ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ เตือนว่า หุ้นพวกนี้อันตรายที่สุด เวลาเจ้ามือ “ทิ้ง” มันลงไปถึงก้นเหวได้ง่ายๆ

————————–

“จะเล่นหุ้นปั่นจะต้องซื้อน้อยๆ เกาะตู้เย็น หาค่ากับข้าวได้ แต่อย่าไปเล่นแรง อย่าไปทุ่ม เดี๋ยวเจ้ามือมันจะโยนหุ้นให้เรา”
————————–

…ในวงการหุ้น เขาจะเรียกหุ้นประเภทนี้ว่า “หุ้นเรียกแขก”
เซียนหุ้นรายนี้อธิบายว่า โดยส่วนตัวไม่ชอบเล่น แต่ก็พอรู้ว่าหุ้นตัวไหนมีเจ้ามือดูแลอยู่ ถ้าเราไปขวางทางเขา เขาก็ต้องสะบัดเราหลุด พร้อมทั้งบอกเกร็ดความรู้ให้ฟังด้วยว่า…

“จะเล่นหุ้นพวกนี้ (หุ้นปั่น) จะต้องซื้อน้อยๆ เกาะตู้เย็น หาค่ากับข้าวได้ แต่อย่าไปเล่นแรง อย่าไปทุ่ม เดี๋ยวเจ้ามือมันจะโยนหุ้นให้เรา”

ข้อสังเกตของหุ้นปั่น หนึ่ง..ต้องมี “เจ้ามือ” (กลุ่มก๊วนคอยทำราคา) สอง..ผู้ถือหุ้นใหญ่มักจะรู้เห็นเป็นใจด้วย ในลักษณะช่วยกันออกข่าวดี (ในหลายกรณี ผู้ถือหุ้นใหญ่มักจะโอนหุ้นบางส่วนไปไว้ในพอร์ต “นอมินี” หรือให้ตัวแทนเข้าไปเก็บหุ้น ก่อนจะมีการทำราคา)

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 16 Sell on Fact

ในชีวิตการลงทุนของ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ผ่านประสบการณ์ “เจ็บๆ” มานับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะค้นพบหนทางแห่งความสำเร็จด้วยตัวเอง ทำให้ เสี่ยยักษ์ เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือคุณไม่ได้หรอก ตัวคุณเท่านั้นที่ต้องช่วยตัวเอง

————————–

คำว่า “ข่าวลือ” คุณต้องแอบพูดในที่ “ลับ” ถ้ามากระจายให้มหาชนรับรู้…มาบอกนักข่าว แสดงว่า “จบรอบ” แล้ว…คุณต้องทิ้ง

————————–

“…โชคชะตาจะเลือกช่วยเหลือเฉพาะคนที่มีความพยายาม (มากกว่า) เท่านั้น” เสี่ยยักษ์ เชื่อเช่นนั้น

” ผมจำได้ว่า ตอนที่หุ้นกำลังเริ่มขึ้นช่วงปี 2536 ก่อนดัชนี SET จะขึ้นไป 1,789 จุด (ต้นปี 2537) ตอนนั้นผมมีเงินอยู่ 15 ล้านบาท ช่วงนั้น ขับรถผ่านวัดหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ตำบลบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็อธิษฐานว่าถ้าหากผมหาเงินได้ 35 ล้านบาท จะถวายเงินให้วัด 3 แสนห้า ไม่ถึงปีผมมีเงิน 35 ล้านบาท จริงๆ”

แต่ช้าก่อน นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ เพราะตอนอธิษฐาน เสี่ยยักษ์ ไม่ได้บอกให้หลวงพ่อปานช่วยเหลือ (แบบทางลัด) แต่เขาบอกท่านว่า

“…ถ้าผมชนะก็ให้ชนะด้วยฝีมือของตัวเอง ผมปวารณาตัวเองว่า ถ้าทำได้ผมจะถวายเงินวัด”

Friday, September 3, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 15 หยั่งกำลังหุ้น

การลงทุนแบบ “ทุ่มสุดตัว” ด้วยเงินทุนก้อนใหญ่ “ครั้งเดียว” ซึ่งหมายถึงการรบแบบ “แตกหัก” ในสถานการณ์ที่เชื่อมั่นมากเกินไปเป็นวิธีการลงทุนที่ผิดพลาดได้ง่าย

อย่ารบในสงครามที่รู้ว่าเราต้องเป็น “ฝ่ายแพ้” อะไรก็ตาม ถ้ารู้ว่า “พลาด” ต้องถอยก่อน แสดงว่า..หนึ่ง สติปัญญาเราสู้เขาไม่ได้ สอง แสดงว่าเราตาถั่ว

—————————–

“เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ อธิบายว่า ถึงแม้ตัวเองจะมั่นใจมากกับหุ้น ปตท. แต่ใช่ว่าในสถานการณ์ที่เรามั่นใจจะปลอดภัยเสมอไป

“นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะระมัดระวังตัว จะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อยๆ ก่อน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่ม และจะไม่ถือยาว”

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 14 หุ้นขึ้น วอลุ่มหาย

ระหว่างที่ “หุ้นขึ้น” อยู่ดีๆ แล้วมีแรงขาย “ทุบฮวบ” กดหุ้น “หล่น” ลงมาพร้อม “วอลุ่ม” ที่หนาแน่นเป็นการยืนยันว่า หุ้นตัวนั้น “หมดรอบ” แล้ว

การทำศึกในตลาดหุ้น เรื่องของ “วอลุ่ม” ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรบ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ แนะนำเคล็ดลับในการดู “วอลุ่ม” เพิ่มเติมว่า ถ้า “หุ้นขึ้น” แล้ว “วอลุ่มหาย” ให้สงสัยไว้ก่อนว่า “มันกำลังจะวิ่ง”

แต่ถ้าหุ้นเป็น “ขาลง” แล้ว “วอลุ่มหาย” นี่เป็นตามธรรมชาติ แต่ถ้าหุ้นเป็น “ขาขึ้น” แล้ว “วอลุ่มหาย” นี่มันผิดกฎธรรมชาติ

“แสดงว่ามีรายใหญ่เก็บหุ้นตัวนี้อยู่ จำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาดมันหายไป อย่างนี้สัญญาณดี ต้องเข้าไปดูแล้วว่า หุ้นตัวนี้มันมีดีอะไร”

เสี่ยยักษ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ความสัมพันธ์ของ “วอลุ่ม” กับ “ราคา” จะต้องดูควบคู่ไปพร้อมกับการอ่าน “แนวโน้ม” ของดัชนี SET ว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางไหน

“ผมจะบอกสูตรสุดยอดของหุ้นให้ฟังนะ ถ้าเราอ่านว่าหุ้นตัวนี้กำลังเป็น “ขาขึ้น” แต่วอลุ่มมัน “หาย” (วอลุ่มเทรดลดลง) หมายความว่า รายใหญ่กำลัง “เก็บของ” ไม่ปล่อยหุ้นออกมาหมุนเวียนในตลาด สภาพคล่องของหุ้นตัวนั้นจะค่อยๆ ลดลง”

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 13 “วอลุ่มพีค” คือ “ราคาพีค”

กฎเหล็กข้อหนึ่งที่ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ยึดถือในการลงทุนนั่นคือ “วอลุ่มพีค” เท่ากับ “ราคาพีค” และอีกข้อ ถ้าหุ้นปรับฐาน “รีบาวนด์” แล้ว แต่ไม่ทำ “นิวไฮ” ใหม่…”มันต้องลง”

“ถามว่าแน่จริงยังไง ถึงไม่ขายหุ้น ปตท.ทั้งๆ ที่ราคาขึ้นมา กว่า 190 บาท ทำไมต้องไปขายถูกที่ราคากว่า 170 บาท เพราะเราคิดว่ามันจะต้องขึ้นต่อ ขณะที่หุ้น ปตท.มันมีการปรับตัวลงมา 10-15% ผมอดใจรอ…ไม่ขาย นี่เคล็ดลับของผมคนเดียว”

วิชัย บอกว่า หุ้นมันต้องมีการปรับตัว ถูก “Profit Taking” หรือ ตัดเอากำไร ถ้าราคาปรับลงแล้ว “รีบาวนด์” ขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ได้มันจะ “รัน” (วิ่งไกล) เราต้องเสี่ยง “วัดดวง” นี่มันเป็นพฤติกรรมของหุ้นขาขึ้นแทบทุกตัว

แต่เมื่อไรก็ตาม ถ้าหุ้น “รีบาวนด์” แล้วไม่ทำ “นิวไฮ” ใหม่ก็ต้องขายทิ้งออกไป

หลักการของมันคือ ถ้าหุ้นตัวไหนก็ตามที่รีบาวนด์แล้ว แต่ไม่ทำนิวไฮใหม่ “มันต้องลง”

Thursday, September 2, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 12 รวย

ถ้าเราไม่รู้ว่าหุ้นจะขึ้นต่อไปอีกหรือไม่ เราต้อง Let the Profit Run ปล่อยให้กำไรวิ่งเต็มสตีม เมื่อไรที่ราคาเริ่มปรับฐานลงมา “พร้อมวอลุ่ม” เราก็ล้างพอร์ตออกไปให้หมด

การที่ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ เลือกลงทุน “หุ้นปั่น” ในช่วงแรก แทนที่จะเป็นหุ้น ปตท. “หุ้นในดวงใจ” เนื่องจากมองว่า “เชื่องช้า” ให้ผลตอบแทนไม่ทันใจ

แต่หุ้น ปตท.ระหว่างรอยต่อของ Business Cycle จาก “ยุคขยายตัว” (Expansion) ไปสู่ “ยุครุ่งเรือง” (Boom) ของราคาน้ำมัน หุ้น ปตท.กลับเป็น “ช้างที่ปราดเปรียว” กำไรโตพรวดพราดอย่างน่าทึ่ง

“…ใครหาหุ้นอย่างนี้เจอ “แจ๊คพอตแตก” แน่นอน!!!” เสี่ยยักษ์สรุปสั้นๆ

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 11 ปตท.หุ้น The Winner (2)

วิชัย วชิรพงศ์ กล่าวว่า บทเรียนที่ผ่านมามันทำให้ตนเองมีคติประจำใจว่า ถ้าจะกำไรเยอะๆ ต้องถือหุ้นยาวๆ ให้ได้

เมื่อรู้ว่า “เดินทางผิด” ไปทุ่มลงทุน “หุ้นปั่น” แทนที่จะเป็นหุ้น ปตท.ที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก กำไรที่ได้มาจากหุ้นปั่น 100% เท่าๆ กับการขึ้นของหุ้น ปตท.จาก 35 บาท ขึ้นมา 70 บาท

แต่ตลอดทางที่ทำกำไรจาก “หุ้นปั่น” วิชัยกลับรู้สึกกระวนกระวายใจชีวิตไม่มีความสุข เพราะรู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงทุกวัน จิตใต้สำนึกบอกว่าถ้าขืนเล่นหุ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะต้องมีวันพลาดท่า “เจ๊ง” ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แน่ๆ

“จำได้ว่า ก่อนที่จะกลับมาเข้าหุ้น ปตท.(ครั้งที่ 2) ผมไปเข้าหุ้น HEMRAJ เกือบ 30 ล้านหุ้น วันนั้นราคาขึ้นไปทำนิวไฮที่ 2.70-2.80 บาท ลงทุนไปประมาณ 70 ล้านบาท ซื้อหุ้นตัวเดียวเต็มพอร์ต

…พอซื้อเสร็จ มันก็ขึ้นไปทำนิวไฮ พอกลับไปบ้าน ทั้งคืนนอนไม่หลับ เพราะหุ้นตัวนี้ (ตอนนั้น) พี/อี มันสูงมาก ได้แต่รำพึงกับตัวเองว่า..กูหาเรื่องแท้ๆ ไม่น่าซื้อเลย”

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 10 ปตท.หุ้น The Winner (1)

เส้นทางการเติบโต ..พอร์ตหุ้นของ วิชัย วชิรพงศ์ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบรวดเร็ว เขาเพียรพยายามนำกำไรมาลงทุนต่อ (Reinvestment) โดยไม่เด็ดยอดความสำเร็จเอาไปซื้อหาความสุขก่อนถึงเวลาอันควร

นานนับสิบปีพอร์ตของ วิชัย ก็เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างน่าอัศจรรย์ เขาไม่ใช่ “พ่อมด” ที่เสกเงินได้เอง

แต่เขาเชื่อในหลักการของ “พลังแห่งการทบต้นของเงิน”

วิชัย เชื่อว่า พอร์ตหุ้นของนักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ในระหว่างทางคุณจำเป็นต้องเจอหุ้น “แจ๊คพอต” (หุ้นในดวงใจ) ที่ทำกำไรครั้งละมากๆ ต้องมีผ่านเข้ามาเป็นระยะ พอร์ตจึงจะเติบโตได้

“…การเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไร 3-5% เป็นการลงทุนที่มีโอกาส “ร่ำรวย” ได้ยาก!!! เพราะการตัดสินใจ(ซื้อ-ขาย)บ่อย โอกาสผิดพลาดจะมีสูง”

Wednesday, September 1, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 9 อย่ารีบซื้อความสุข

คนเราต้องตั้งเป้าหมายให้สูงๆ เข้าไว้ และในระหว่างที่ต้นไม้กำลังโต คุณอย่ารีบไปเด็ดยอดทิ้ง อย่าด่วนเอาเงินมาซื้อความสุข ใจเย็นๆ ไว้ก่อน

“คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ”

วิชัย วชิรพงศ์ ฝากถึงนักลงทุนรุ่นใหม่ว่า ช่วงที่พอร์ตหุ้นของเรายังไม่โตมาก อย่าด่วนเอากำไรไปซื้อความสุข เพราะนั่นคุณยังไม่ประสบความสำเร็จเลย คุณต้องใจเย็นๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เก็บเอากำไรไปลงทุนต่อ

ซึ่งภาษาการลงทุนเรียกว่า..”Reinvestment”

” ผมเห็นมาเยอะ พอได้กำไรหุ้นมา 5-6 ล้านบาท บางคนซื้อนาฬิกาเรือนละ 7-8 แสนมาใส่ มองดูแล้วคนอย่างนี้โอกาสที่จะชนะในระยะยาว “ยาก” แค่เริ่มต้นก็เห็นจุดอ่อนแล้ว”

วิชัยบอกว่า วันที่ตัวเองมีเงินถึง 100 ล้านบาท ถึงได้ให้รางวัลชีวิต ไปซื้อรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น S 280 มาขับ สมัยนั้นรถรุ่นนี้ราคาคันละกว่า 4 ล้านบาท

“ชีวิตผมแม้จะ สำเร็จ..ได้กำไรหุ้นมาตลอด แต่ก็ยังทนใช้รถยนต์คันเก่าไม่ยอมเปลี่ยน บ้านที่อยู่ก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง อาศัยบ้านพ่อตา-แม่ยายอยู่ จำได้ว่าช่วงก่อนหน้าที่ดัชนี SET จะขึ้นมา 1,700 จุด ก่อนหน้านั้น ผมไปขออนุญาตภรรยาว่า..ถ้าวันไหนผมมีเงินถึง 100 ล้านบาทนะ..ขอซื้อรถ Benz มาขับสักคัน”

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 8 ช่วงสุข และทุกข์

วิธีการเอาตัวรอดในช่วงที่ต้องเผชิญกับ “วิกฤตการณ์” ในตลาดหุ้น ทางเดียวที่จะทำให้เรา “รอด” คือ การตัดนิ้ว (Cut Loss) ยอมขาดทุนรักษาชีวิต

หลังวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 เป็นช่วงที่ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ยกให้เป็นช่วงชีวิตที่เลวร้ายที่สุดของนักเล่นหุ้น

นับจาก ดัชนี SET ทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2537 ที่ระดับความสูง 1,789 จุด จากนั้นก็ค่อยๆ หล่นลงมาทำจุดต่ำสุด 207 จุด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541

เสี่ยยักษ์ บอกว่า ใครที่รอดตายช่วงนี้มาได้ แล้วพอร์ตยังโตขึ้น ต้องยกให้ว่าเป็น “ยอดฝีมือ” ทุกคน

วิชัย ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ “รอด” ช่วงนี้มาได้ แต่ก็รอดแบบเฉียดตาย และสูญเสียไม่ใช่น้อย

“ช่วงนั้นพอร์ตหุ้นของผม หายไปครึ่งหนึ่ง” เขาบอก

วิธี การเอาตัวรอดในช่วงที่ต้องเผชิญกับ “วิกฤตการณ์” ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เขาย้อนเล่าประสบการณ์ครั้งนั้นว่า ทางเดียวที่จะทำให้เรา “รอด” คือ การตัดนิ้ว (Cut Loss) ยอมขาดทุนรักษาชีวิต

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 7 ไปจ่ายตลาด

การตีกอล์ฟไกลๆ ลงหลุม “โฮลอินวัน” นั่นคือ…โชคชะตา แต่การที่คุณตีกอล์ฟไปตกให้ห่างจากธง 2 ฟุต นั่นคือ…ฝีมือ

ใน สนามรบที่เรียกว่า “ตลาดหุ้น” วิชัย วชิรพงศ์ มีความเชื่อลึกๆ ว่า คนที่จะประสบความสำเร็จยืนอยู่บนสังเวียนนี้ได้ยาวนานจะต้องอาศัย “ฝีมือ” 70%

…อีก 30% เป็นหน้าที่ของ “โชคชะตา”

“การตีกอล์ฟไกลๆ ลงหลุม (โฮลอินวัน) นั่นคือ โชคชะตา นั่นคือ ฟ้าลิขิต แต่การที่คุณตีกอล์ฟไปตกให้ห่างจากธง 2 ฟุต นั่นคือ ฝีมือ”

SAA Consensus หุ้นที่มีการ update วันนี้

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ ภาวะตลาด

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ เทคนิค

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ หุ้นรายตัว

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ พิเศษ

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ หุ้น IPO

กรุงเทพธุรกิจ - ธุรกิจ

กรุงเทพธุรกิจ - การเงิน - การลงทุน