Friday, September 3, 2010

กูรูหุ้นพันล้าน : ตอนที่ 14 หุ้นขึ้น วอลุ่มหาย

ระหว่างที่ “หุ้นขึ้น” อยู่ดีๆ แล้วมีแรงขาย “ทุบฮวบ” กดหุ้น “หล่น” ลงมาพร้อม “วอลุ่ม” ที่หนาแน่นเป็นการยืนยันว่า หุ้นตัวนั้น “หมดรอบ” แล้ว

การทำศึกในตลาดหุ้น เรื่องของ “วอลุ่ม” ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรบ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ แนะนำเคล็ดลับในการดู “วอลุ่ม” เพิ่มเติมว่า ถ้า “หุ้นขึ้น” แล้ว “วอลุ่มหาย” ให้สงสัยไว้ก่อนว่า “มันกำลังจะวิ่ง”

แต่ถ้าหุ้นเป็น “ขาลง” แล้ว “วอลุ่มหาย” นี่เป็นตามธรรมชาติ แต่ถ้าหุ้นเป็น “ขาขึ้น” แล้ว “วอลุ่มหาย” นี่มันผิดกฎธรรมชาติ

“แสดงว่ามีรายใหญ่เก็บหุ้นตัวนี้อยู่ จำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาดมันหายไป อย่างนี้สัญญาณดี ต้องเข้าไปดูแล้วว่า หุ้นตัวนี้มันมีดีอะไร”

เสี่ยยักษ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ความสัมพันธ์ของ “วอลุ่ม” กับ “ราคา” จะต้องดูควบคู่ไปพร้อมกับการอ่าน “แนวโน้ม” ของดัชนี SET ว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางไหน

“ผมจะบอกสูตรสุดยอดของหุ้นให้ฟังนะ ถ้าเราอ่านว่าหุ้นตัวนี้กำลังเป็น “ขาขึ้น” แต่วอลุ่มมัน “หาย” (วอลุ่มเทรดลดลง) หมายความว่า รายใหญ่กำลัง “เก็บของ” ไม่ปล่อยหุ้นออกมาหมุนเวียนในตลาด สภาพคล่องของหุ้นตัวนั้นจะค่อยๆ ลดลง”

… ลองคิดต่อให้เป็นหลักการวิทยาศาสตร์ ถ้าคน “ดูดหุ้น” เข้าไปในกระเป๋าหมด นักเก็งกำไรไม่ได้เข้ามาเล่น (รอบ) ไม่ได้เอาหุ้นมาหมุนวนในตลาด ทุกคนดูดเก็บ!! ทุกคนดูดเก็บ!! ปริมาณหุ้นในตลาดก็จะหายไป

“…เพราะฉะนั้น ถ้าเราไปเจอ “หุ้นขึ้น วอลุ่มหาย” นี่คือ สุดยอดหุ้น ใครหาพบคนนั้นรวย”

วิชัย เน้นว่า เวลาเราอ่านกราฟ และวอลุ่มประกอบกัน เราต้องเข้าใจความสัมพันธ์ให้มันเป็นหลักคิดทางวิทยาศาสตร์ให้ได้ จะทำให้เราเข้าใจว่า ฝ่ายตรงข้ามเขากำลังคิดอะไรอยู่ มันจะทำให้เรารู้เท่าทัน

ยกตัวอย่างเช่น หุ้นปตท.ขึ้นจาก 70 กว่าบาท ขึ้นไปใกล้ๆ 100 บาท ทำไม! “นายวิชัย” ถึงไม่ยอมขาย ทั้งๆ ที่ได้กำไรเยอะแล้ว

“ผมฟลุ้ครึเปล่า! ที่ไปขาย 170 กว่าบาท เพราะผมมองว่า “ซัพพลาย” (ปริมาณหุ้นหมุนเวียน) ในตลาดมันลดลง แต่ “ดีมานด์” (ความต้องการ) มันเพิ่มขึ้น เราอ่านออกว่า “รายใหญ่” กำลังเก็บของอยู่ ที่รู้ก็เพราะ “วอลุ่มมันหาย” ในระหว่างทางที่หุ้นกำลังวิ่งขึ้น”

พูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ คำว่า “วอลุ่มหาย” หมายความว่า รายใหญ่อยู่ในช่วงสะสมหุ้น เก็บหุ้น “ใส่ปี๊บ” ไม่เอาหุ้นมาหมุนในตลาด

แต่ถ้าเป็นกรณี “ตรงกันข้าม” สมมติว่า “หุ้นขึ้น” อยู่ดีๆ แล้วมีแรงขาย “ทุบฮวบ” กดให้ราคาหุ้น “หล่น” ลงมาพร้อม “วอลุ่ม” ที่หนาแน่น เป็นการยืนยันว่า หุ้นตัวนั้น “หมดรอบ” แล้ว คุณต้องขายทิ้ง ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่า หุ้นตัวนั้นกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็น “ขาลง”

นอกจากนี้ วิชัย ยังแนะนำด้วยว่า การเล่นหุ้นให้ได้กำไรก้อนใหญ่ ปีหนึ่งเราควรเล่นหุ้นแค่ 2 เดือน ก็รวยมหาศาลแล้ว ไม่จำเป็นต้องเล่น (เทรด) หุ้นทั้งปี แต่ถ้าอยากเล่นเป็นรายวัน ก็ให้คิดว่าเล่นเป็นค่ากับข้าว ไม่ใช่ทุ่มสุดตัว เพราะถ้าอยากจะรวยจริงๆ

บอกได้เลยครับว่า…คุณต้องเล่นรอบใหญ่ เท่านั้น เชื่อผมเถอะ!!!

“ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นไม่ดีเป็น Bearlish Trend สำหรับตัวผม จะเหลือหุ้นอยู่ในพอร์ตน้อยมาก จะเล่นแค่สนุก เล่นเพื่อให้เราอยู่ในกระแส ระหว่างนี้ก็จะกลับมาศึกษาเยอะๆ แล้วพยายามหาหุ้นในดวงใจให้เจอ”

เพราะถ้าอยากจะเล่นเกมให้ชนะ เราต้องศึกษา เราต้องรอบรู้ เราต้องมีเพื่อน เราต้องคอยอ่านความคิดคนอื่นว่าเขามองยังไง จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ส่วนวิธีการ “จับปลาใหญ่” เสี่ยยักษ์ ชี้แนะว่า คุณต้องนิ่งๆ รอให้หุ้นลงต่ำๆ ค่อยเข้าไปเล่น ไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อหุ้นไม่ได้ ถ้าคุณมีเงินเย็นอยู่ในกระเป๋าจะมีหุ้นดีๆ วิ่งมา “ชน” คุณเอง

ส่วนใหญ่ของคนที่ “ติดหุ้น” เพราะถูกอารมณ์ของตลาดหุ้นพาไป (ขาดทุน) ชอบไปซื้อหุ้นตอนที่ตลาดใกล้วาย ลองกลับไปทบทวนดูว่าจริงมั้ย!

ที่มา : Bangkok Biz Week


No comments:

Post a Comment

SAA Consensus หุ้นที่มีการ update วันนี้

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ ภาวะตลาด

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ เทคนิค

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ หุ้นรายตัว

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ พิเศษ

SETTRADE.COM - บทวิเคราะห์ หุ้น IPO

กรุงเทพธุรกิจ - ธุรกิจ

กรุงเทพธุรกิจ - การเงิน - การลงทุน